เคล็ดลับการทำงานดีๆ จากพนักงานดีเด่น

ปัจจุบัน บุญธรรมอายุย่าง 56 ปีแล้ว แต่เขาก็ยึดมั่นว่าจะยังคงทำงานต่อไป จนกว่าร่างกายจะไม่ไหว หรือขึ้นอยู่กับว่าทางบริษัทจะยังคงจ้างงานเขาต่อไปหรือไม่ เขาโชคดีที่ได้ภรรยาและลูกๆ ให้การสนับสนุนเรื่องการทำงานมาโดยตลอด จนถึงปัจจุบันเขาทำงานรวมทั้งหมดมาแล้ว 33 ปี โดยนับตั้งแต่ปี 2516-2528 รวม 12 ปี ที่ทำงานอยู่กับบริษัท กรรณสูต เจเนอรัสเอส แซมเบอร์รี่ (บริษัทเดิม) จนในปี 2528 จึงได้โอนย้ายเข้ามาอยู่กับบริษัท อาปิโก ไฮเทค ในปัจจุบัน รวมเวลา 21 ปี

“ผมมาทำงานอย่างสม่ำเสมอ ไม่เคยลากิจ ลาป่วย และมาสาย ซึ่งทำให้ผมได้รับรางวัลพนักงานดีเด่นมาเป็นระยะเวลา 16 ปีติดต่อกัน จนถึงปัจจุบัน ผมก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่า ผมทำไปได้อย่างไร ทำงานมาตั้ง 33 ปี ลาป่วยไปเพียงแค่วันเดียว ไม่น่าเป็นไปได้เลย อาจเป็นเพราะผมโชคดีที่มีสุขภาพแข็งแรง”

มาดูกันว่าเคล็ดลับดีๆ ในแบบฉบับของ บุญธรรม เป็นอย่างไรบ้าง

มีความพยายาม และตั้งใจจริง

ขั้นตอนแรกของการทำงาน ก็คือ เราต้องมีความตั้งใจจริง มีความพยายาม และทำสิ่งที่ได้รับมอบหมายจากหัวหน้างานให้ดีที่สุด “ปัญหาในการทำงานที่เราต้องเจอมีด้วยกันหลากหลายรูปแบบ อย่างเช่น ถ้าเราเจอเพื่อนร่วมงานนิสัยไม่ดี เราก็ต้องชักชวนให้เขาเป็นคนดีให้ได้

ตอนนี้ลูกของผมโตหมดแล้ว ลูกชายคนโตทำงานแล้ว ลูกสาวคนรองก็กำลังฝึกงานอยู่ ผมคิดว่าเราเป็นตัวอย่างที่ดีแก่ลูกๆ ด้วย ผมบอกกับลูกว่า ระเบียบวินัยต้องมาเป็นอันดับ 1 เลย เพราะเป็นสิ่งที่สำคัญมาก ถ้าเราไม่มีระเบียบวินัย หัวหน้างานต้องเพ่งเล็งแน่นอน ลองคิดดูให้ดี แม้แต่กฎระเบียบโดยทั่วไปเรายังทำไม่ได้เลย แล้วแบบนี้เราจะประสบความสำเร็จได้อย่างไรกัน”

เป็นคนมีระเบียบวินัย

ถ้าเราเป็นคนไม่มีระเบียบวินัย เราจะลำบากยิ่งนัก เพราะงานที่เราทำจะไม่สำเร็จ ระเบียบวินัยถือเป็นจุดเริ่มต้นสำคัญของความสำเร็จ อย่างเช่น มาทำงานตรงเวลา ทำงานเสร็จทันตามที่หัวหน้างานกำหนด “ถ้าเราเป็นคนที่มีความพยายาม และเป็นคนที่ตั้งใจจริงอย่างเต็มที่ หัวหน้างานเขาคงจะมองเห็นเอง และถ้าเรามีความจริงจัง และมีระเบียบวินัย และใส่ใจการทำงาน คิดว่าไม่น่าจะเกิดปัญหากับหัวหน้างาน”

แก้ปัญหา “เหยียบขี้ไก่ไม่ฝ่อ”

ผู้ประกอบการหลายคน มักบ่นว่า เจอกับปัญหาเหยียบขี้ไก่ไม่ฝ่อของเด็กรุ่นหลายคน ที่พอเข้าไปทำงานในองค์กรได้สักพักหนึ่ง ก็เกิดอาการอยากจะเปลี่ยนงานอีกเรื่อยๆ ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลกลใดก็ตาม เช่น เงินเดือนน้อย ที่ทำงานอยู่ไกลบ้าน รู้สึกว่าไม่รักงานที่ทำ บุญธรรมมองเรื่องนี้ว่า ปัญหาเรื่องนี้เกิดจากการที่เด็กสมัยนี้หลายคน เกิดมาก็เรียนหนังสืออย่างเดียว ไม่ค่อยได้ทำกิจกรรม พอมาเจองานหนัก เกิดอาการใจไม่สู้ ทำให้เปลี่ยนองค์กรใหม่ไปเรื่อยๆ

“ถ้าทุกคนมาทำงานในองค์กรแล้วมีความตั้งใจจริงก็ไม่น่า จะมีปัญหาอะไร ปัญหาการเหยียบขี้ไก่ไม่ฝ่อขึ้นอยู่กับตัวบุคคลมากกว่า เวลาทำงานเราต้องมีความรับผิดชอบ ต้องปรับปรุงแก้ไขเรื่องระเบียบวินัย และต้องมีจิตสำนึกที่ดี”

ผู้อาวุโสคอยแนะนำผู้น้อย

เขาบอกด้วยว่า เคล็ดลับการทำงานที่จะช่วยให้องค์กรประสบผลสำเร็จนั้น ทุกคนในองค์กรต้องร่วมมือ และร่วมแรงร่วมใจกันอย่างถึงที่สุด ผู้อาวุโสในองค์กรที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมากกว่าย่อมจะให้คำแนะนำดีๆ แก่ผู้น้อย หรือผู้ที่มาทำงานใหม่และมีประสบการณ์น้อยได้เป็นอย่างดี “ส่วนใหญ่เราต้องคอยสอนเขา (ผู้ที่อาวุโสน้อย และเพิ่งมาทำงานใหม่) เราต้องให้คำแนะนำเขา ต้องคอยสอนเขาถึงวิธีการทำงาน ถ่ายทอดให้เขาได้รับรู้ว่า หลักการทำงานขั้นพื้นฐานในองค์กรประกอบไปด้วยอะไรบ้าง งานชิ้นไหนควรทำก่อน ชิ้นไหนควรทำทีหลัง จะจัดลำดับความสำคัญอย่างไรดี และเมื่อเขามีปัญหา เราก็ต้องรู้ก่อนว่าปัญหาของเขาคืออะไร แล้วค่อยๆ ให้คำแนะนำในการแก้ปัญหาต่อไป”

นึกเสมอว่างานทุกอย่างเชื่อมโยงกันหมด

ทุกหน่วยงานในองค์กรมีความสำคัญเหมือนกันหมด ไล่เรียงตั้งแต่หน่วยงานระดับย่อยไปจนถึงหน่วยงานที่มีขนาดใหญ่ขึ้นเป็น ลำดับ บุญธรรมบอกว่า ถ้าเราทำงานไม่เสร็จ หรือไม่ตรงเป้าหมายที่ตั้งไว้ ก็จะส่งผลกระทบต่อเนื่องไปยังหน่วยงานอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง “ผมขอยกตัวอย่างเรื่องนี้ว่า อย่างผมทำงานในบริษัทประกอบรถยนต์ ก่อนอื่นผมต้องทำความเข้าใจก่อนว่า ทุกหน่วยงานเกี่ยวพันเป็นลูกโซ่หมด ถ้าเราทำงานไม่เสร็จ เพื่อนร่วมงานในแผนกต่อไป จะต้องได้รับความเดือดร้อนแน่ๆ อย่างผมทำในส่วนของการประกอบรถยนต์ ถ้าเราหยุดไป และเมื่อประกอบชิ้นส่วนได้ไม่ตามเป้าหมาย หน่วยงานที่มารับงานอีกทอดก็อาจจะเดือดร้อนได้”

รักษาสุขภาพให้ดี

สุขภาพเป็นสิ่งสำคัญ เพราะถ้าเราดูแลสุขภาพไม่ดี เจ็บป่วยบ่อย ทำให้เราต้องหยุดงานเป็นเวลาหลายวัน แน่นอนที่ผู้ประกอบการอาจไม่ว่าอะไร เพราะเป็นเหตุจำเป็นจริงๆ แต่ทางที่ดีเราควรจะเซฟตัวเอง ให้เจ็บป่วยน้อยที่สุด เพื่อที่ว่าการทำงานของเราจะได้มีประสิทธิภาพ

“ผมโชคดีที่ไม่ค่อยป่วยเลย ผมออกกำลังกายมาตลอด ดูแลร่างกายให้ดี ผมคิดอยู่เสมอว่าถ้าหากร่างกายไม่แข็งแรง เราทำงานไม่ไหวแน่นอน ดังนั้น ผมจึงดูแลตัวเองด้วยการออกกำลังกายทุกวัน หลังตื่นนอนตอนเช้า ผมตื่นนอนประมาณตี 4 กว่าๆ แล้วออกจากบ้านตอนตี 5 ทำแบบนี้มาเป็นสิบๆ ปีแล้ว ผมวิดพื้นก่อนออกจากบ้านมาประมาณ 20 ปีแล้ว วิดพื้นตอนเช้า 50 ครั้ง ตอนเย็น 50 ครั้ง แล้วก็มีกระโดดเชือกอีกนิดหน่อย ทำให้ร่างกายเราแข็งแรง ตอนหลังๆ เมื่ออายุเราเพิ่มขึ้น ดูเหมือนว่าเราจะออกกำลังกายได้ช้าลง แต่ร่างกายก็แข็งแรงดี”

วางแผนการทำงานอย่างเคร่งครัด

ด้วยความที่บ้านของบุญธรรมอยู่ยานนาวา แต่สถานที่ทำงานอยู่ย่านบางปะอิน อยุธยา ทำให้เขาต้องวางแผนเรื่องการเดินทางเป็นอย่างดี “เพื่อไม่ให้มาทำงานสาย เราต้องวางแผนว่าจะออกจากบ้านกี่โมงดี เพื่อให้ไปถึงที่ทำงานกี่โมง ผมไม่เคยไปทำงานสายเลย อย่างการที่บริษัทคัดเลือกว่าใครจะเป็นพนักงานดีเด่น ก็ได้มีการประเมินจากการไม่ขาด ไม่สาย ไม่ลากิจ ไม่ลาป่วย ไม่นับเอาเรื่องวันพักร้อนหรือวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ มาคิด ตอนทำงานผมยึดหลักว่า เราต้องไม่เกเร ไม่ออกนอกลู่นอกทาง ทำตรงนี้ให้ดีที่สุด เวลาทำงานก็คิดเสมอว่า ถ้าไม่มีธุระจำเป็นก็จะไม่หยุด ช่วงหลังๆ เลยกลายเป็นสถิติว่าเราทำงานไม่หยุดเลย คิดว่าทุกคนทำได้ ถ้ามีความตั้งใจจริง”

สร้างจิตสำนึกให้ตัวเอง

จิตสำนึกเป็นสิ่งที่อยู่ในใจเรา ถ้าเรามีจิตสำนึกเรื่องงานที่ดี แน่นอนที่หนทางความสำเร็จจากการทำงาน ย่อมอยู่ไม่ไกลเกินไป “คนเราต้องมีจิตสำนึกที่ดี ซึ่งจิตสำนึกที่ดีนั้นไม่มีใครมาบอกให้เกิดได้ แต่เกิดจากตัวเราเอง อย่างเช่น ผมมาสมัครเข้าทำงาน โดยไม่ได้มีใครบังคับให้มาทำ และก็ไม่มีใครมาบังคับขู่เข็ญด้วยว่า ผมต้องทำงานให้ดีที่สุด

เวลาทำงานผมจะนึกเสมอว่า ถ้าเราทำงานไม่ทัน ส่งงานให้ลูกค้าไม่ตรงตามแผนที่วางไว้ ส่งผลให้ลูกค้ารายนั้นได้รับความเสียหาย และแน่นอนที่บริษัทของเราจะต้องโดนปรับ ทำให้เสียทั้งเงินทองและชื่อเสียง เราต้องคิดในแง่ที่ว่าเอาใจเขา มาใส่ใจเราด้วย บางวันผมทุ่มเทให้กับการทำงาน จนแทบไม่มีเวลารับประทานอาหารกลางวันก็เคยมีเหมือนกัน”

รู้จักเก็บเงินเก็บทอง

บุญธรรมบอกอีกว่า เขาทำงานจนสามารถส่งเสียลูกๆ ให้เรียนหนังสือจบ เขาบอกด้วยว่า สำหรับคนทำงานทั้งหลายต้องรู้จักเก็บเงินเก็บทองด้วย ต้องมีการวางแผนเรื่องค่าใช้จ่ายให้ดี ไม่เป็นคนสุรุ่ยสุร่าย การเก็บเงินเป็นสิ่งที่ต้องทำควบคู่ไปกับการทำงาน “เราต้องจัดสรรเรื่องานให้ดี ผมโชคดีที่เป็นคนไม่มีหนี้สินอะไร หลักของผมคือเก็บเงินเก็บทอง พยายามส่งให้ลูกๆ ได้เรียนหนังสือ ยึดหลักพอกินพอใช้ เพราะเราไม่มีทรัพย์สมบัติอะไร ต้องขยันทำงานเอง และผมวางแผนเก็บเงินไว้ใช้จ่ายในยามบั้นปลายของชีวิตด้วย”

บุญธรรม ยังกล่าวทิ้งท้ายด้วยว่า เขามีความภาคภูมิใจที่ทำงานมาตลอดระยะเวลา 33 ปี ทุ่มเทให้กับงานอย่างเต็มที่ “ผมไม่เคยสร้างปัญหาให้เพื่อนร่วมงานไม่สบายใจเลย ผมจะทำหน้าที่อย่างสม่ำเสมอต่อไป เพื่อเป็นแบบอย่างที่ดีให้กับเพื่อนร่วมงาน ทำให้ทุกคนรู้ว่าถ้าเรามีความรับผิดชอบ มีความมุ่งมั่น และพยายาม เราต้องประสบความสำเร็จในสิ่งที่เราปรารถนาไว้อย่างแน่นอน” เขากล่าวทิ้งท้าย

ที่มา : http://www.jobjob.co.th/th/

 

 
To Top