-
-
- มฟล. จัดงานส่งเสริมพุทธ หวังเยาวชนมีหัวใจแห่งธรรม 28-07-2014
บรรยากาศหน้าฝนที่มีใบไม้สีเขียวฉ่ำน้ำของ มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง ทำให้แขกที่มาเยือนมหาวิทยาลัยในสวนแห่งนี้รู้สึกปลอดโปร่งเย็นสบายยามหลังฝนซา ในเช้าวันนี้มีแขกตัวน้อยจากโรงเรียนต่างๆ ทั่วทั้งจังหวัดเชียงราย รวมถึงจังหวัดใกล้เคียงอย่างเช่นเชียงใหม่ พะเยา แพร่ น่าน อุตรดิตถ์ พิษณุโลก ทั้งนักเรียนในระดับประถมศึกษา มัธยมศึกษา วิทยาลัย และจากโรงเรียนพระปริยัติธรรมเข้าร่วมกิจกรรมส่งเสริมพระพุทธศาสนา ครั้งที่ 4 ประจำปี 2557 ที่จัดขึ้นในห้องโถงโล่งกว้างของอาคารกีฬาเฉลิมพระเกียรติฯ เมื่อวันศุกร์ที่ 25กรกฎาคม ที่ผ่านมา
ภายในงานมีการจัดนิทรรศการ โครงงาน และผลงานนักเรียนที่เกี่ยวเนื่องกับพระพุทธศาสนา นิทรรศการเทิดพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่ทรงเป็นองค์เอกอัครศาสนูปถัมภก กิจกรรมในภาคเช้าที่ผู้ร่วมงานสนใจก็คือ การตอบปัญหาชิงโล่รางวัลและทุนการศึกษา และที่ทุกคนต้องลุ้นกันก็คือการแข่งขันแฟนพันธุ์แท้พุทธประวัติ รวมทั้งการแจกของรางวัลมากมาย
รศ.ดร.วันชัย ศิริชนะ อธิการบดีมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวงได้กล่าวต้อนรับผู้ที่มาร่วมงานครั้งนี้ว่า “นับเป็นความยินดีและชื่นชม ที่ทุกคนได้มาร่วมทำกิจกรรมที่เป็นประโยชน์ ขอให้ร่วมทำกิจกรรมกันด้วยความสุขและปลื้มปิติ ที่ได้เป็นส่วนหนึ่งในการส่งเสริมสืบสานพระพุทธศาสนา”
สำหรับกิจกรรมที่ทุกคนรอคอยในช่วงบ่าย ก็คือการร่วมรับฟังปาฐกถาธรรมเรื่อง “ลายแทงแห่งความสำเร็จ” โดย พระมหาวุฒิชัยวชิรเมธี หรือที่ทุกคนคุ้นในนามปากกาของท่านว่า ว.วชิรเมธี พระนักคิดนักเขียนที่เป็นแรงบันดาลใจให้กับผู้คนมากมาย ทั้งชาวไทยและต่างชาติ ที่เดินทางข้ามโลกมาสนทนาธรรมกับท่านที่ศูนย์วิปัสสนาสากล ไร่เชิญตะวัน จังหวัดเชียงราย
พระอาจารย์มหาวุฒิชัยวชิรเมธี เล่าว่า กว่าสิบปีที่ผ่านมา ได้เดินทางเผยแผ่แนวธรรมมาแล้วทั่วโลก ทั้งในเอเชีย ยุโรป และอเมริกา จากที่ครั้งอดีตเคยเป็นเด็กบ้านนอก ชีวิตไม่มีทางให้เลือกอะไรเลย แต่ปัจจุบันมีเส้นทางให้เลือกมากมาย หลายคนจึงตั้งคำถามเสมอว่า ควรสร้างแผนที่ชีวิตอย่างไรจึงจะเดินไปถึงปลายทางแห่งความสำเร็จได้เช่นนี้
ในอดีต เด็กชายวุฒิชัย เป็นคนเชียงรายโดยกำเนิด เรียนชั้นประถมที่โรงเรียนบ้านครึ่งใต้ อ.เชียงของ จบประถมจึงบวชเป็นสามเณรที่วัดครึ่งใต้ จากนั้นก็ย้ายมาอยู่ที่วัดพระสิงห์ในเมืองเชียงราย จนจบเปรียญธรรม 6 ประโยค ได้ย้ายเข้ากรุงเทพฯ ไปอยู่ที่วัดเบญจมบพิตรดุสิตวนาราม จนจบเปรียญธรรม 9 ประโยค
“ครั้งหนึ่งเคยได้รับโอกาสไปศึกษาธรรมกับท่านติช นัท ฮัน ที่หมู่บ้านพลัม ประเทศฝรั่งเศส การที่ได้ไปอยู่กับครูของโลก ทำให้ความคิดเราเปลี่ยน ทำให้เราชัดเจนว่าต้องมีเส้นทางของตัวเองเพื่อทำงานระดับโลกให้ได้ จากนั้นมาจึงได้ออกจากวัดเบญจมบพิตรฯ แม้ว่าชื่อจะยังอยู่ มาก่อตั้งสถานปฏิบัติธรรมไร่เชิญตะวันที่เชียงราย อยากให้ที่นี่เป็นศูนย์กลางการทำงานระดับโลก ปัจจุบันมีคนเดินทางมาปฏิบัติธรรมจากทั่วโลก”
พระอาจารย์มองเห็นว่าการบวชเรียนทำให้ตนมีโอกาสได้เรียนสูง และแม้ว่าจะจบเปรียญธรรม 9 ประโยค ที่เปรียบเป็นปริญญาเอกของการศึกษาด้านธรรมะบาลี แต่ไม่น่าจะเพียงพอกับการทำงานในวงกว้าง เพราะรู้ลึกแต่รู้ไม่กว้าง ลึกในธรรมะบาลี แต่ไม่รู้โลกในวงกว้าง นี่คือข้อจำกัดที่มองเห็น ระหว่างที่เรียนธรรมจึงลงเรียน มสธ.(มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมทิราช) ควบคู่ไปด้วย เมื่อเรียนจบเปรียญ 9 ก็จบปริญญาตรีพร้อมกันพอดี
“ไม่ใช่ว่าเก่ง แต่นี่คือการวางแผน”
แม้ว่าเพื่อนที่ร่วมบวชเรียนด้วยกันมาต่างมองต่างมุม กลัวออกไปหางานไม่ได้ทำงานไม่ไหว ต่างลาสิกขาไปจนหมด แต่พระอาจารย์ยังคงมุ่งมั่นกับเป้าหมายของตน จึงศึกษาต่อจนจบปริญญาโท พุทธศาสตรมหาบัณทิต ที่มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย แล้วได้เป็นพระอาจารย์สอนอยู่ที่นั่นต่อ
“นี่เป็นเส้นทางของคนที่เคยไม่มีทางเลือก จากเด็กยากจน วันนี้เลือกได้อย่างที่ตัวเองต้องการ พัฒนาตัวเองจนมีโอกาสให้เลือกเต็มไปหมด ได้รับเชิญจากมหาวิทยาลัยต่างๆ ให้ไปรับดุษฎีบัณทิตทุกปี ตอนที่อยู่วัดพระสิงห์นั่งดูรายการทไวไลท์โชว์ สมัยที่คุณไตรภพดังมาก นั่งคิดไปว่าถ้าเราได้ออกทีวีจะเป็นยังไง เดี๋ยวนี้คุณไตรภพเชิญให้ไปออกแต่เราไม่มีคิวให้เขา เพราะเราก็มีรายการให้ออกทีวีทุกวัน มีรายการโทรทัศน์ 8 รายการ มีหนังสือมากกว่า 200 เล่ม แปลเป็นภาษาอื่นแล้ว 7 ภาษา นำไปทำละครแล้ว 4 เรื่อง อยู่ในขั้นตอนอีก 4-5เรื่อง”
พระอาจารย์บอกว่า เป็นเพราะผลของงาน ทำให้ได้เดินทางไปทั่วหล้า ได้ไปเจอคนสำคัญทั่วโลก…แล้วเคล็ดลับแห่งความสำเร็จคืออะไร?
“มันไม่ใช่เรื่องบุญกุศล แต่คือการสู้ชีวิต ทุกวันนี้ขอบคุณความจน ถ้าไม่จนคงไม่สู้ ถ้าเราจนอย่าด่าพ่อแม่ จนเท่ากับสู้ จนไม่ได้หมายถึงด้อยโอกาส จนมากคือสู้มากๆ สู้สุดฤทธิ์สุดเดช อย่ามัวแต่โทษวาสนา ความจนคือสิ่งดี นี่คือโอกาสพิสูจน์ตัวเอง ทำยังให้คนจนขึ้นไปอยู่ที่สูงได้ สิ่งนั้นคือการเรียน อยากมีโอกาสเลือกต้องเรียนให้สูง”
“ตอนอยู่เชียงรายเคยแกะสติ๊กเกอร์เตือนใจแปะไว้หน้าห้อง...สิ่งที่เธอทำจะนำไปสู่เป้าหมายหรือไม่....ก่อนจะทำอะไรจะถามตัวเองคำนี้ ถ้านั่งดูละครมันจะเอาไปออกข้อสอบไหม ถ้าไม่ ก็ไม่ดู เพื่อนบอกว่าเอาแต่เรียนจะไม่มีใครคบนะ แต่ทุกวันนี้เรามีเพื่อนมากมาย ไปที่ไหนประเทศไหนก็มีคนมารอรับ อยากให้เราไปพักบ้านเขา อยากให้เราไปพักในคฤหาสน์ของเขา”
บางคนบอกกับพระอาจารย์ว่า ชีวิตเขาเอาดีอะไรไม่ได้เพราะเรียนมาน้อย “จึงถามกลับว่าใครห้ามให้เรียน คุณอยากเรียนก็เรียนสิ อ่านหนังสือ ติดตามข่าวสาร ความรู้เป็นของส่วนรวม อยากได้ต้องขวนขวายหาเอามาเป็นของเรา พระอาจารย์มีเพื่อนบวชพร้อมกันมากมาย หลายคนบอกว่าต้องรีบสึก เดี๋ยวจะออกไปทำมาหากินไม่ทัน ออกไปทำงานไม่ไหว แต่ชีวิตเราต้องเลือกทางของเราเอง ต้องมีความฝันชัดเจน ตอนเป็นเณรน้อยมีเวลาว่างก็แอบออกไปเรียนพิมพ์ดีด แอบออกไปเรียนภาษาอังกฤษที่วายเอ็มซีเอ หาโอกาสให้ตัวเอง ต้องดู ต้องอ่าน ถ้าเราใฝ่รู้ ไม่มีใครห้ามเราเรียนได้ ถ้าทำลายกำแพงทางภาษาได้ สิ่งนี้จะพาเราออกไปไกลได้ทั่วโลก การศึกษาคือสิ่งที่เปลี่ยนแปลงโลก ถ้าอยากเปลี่ยนชีวิตต้องเรียนหนังสือ ต้องศึกษาหาความรู้ให้ดีที่สุด”
พระอาจารย์เชื่อว่า การศึกษาไม่ใช่อยู่แต่เพียงในห้องเรียน หรือในมหาวิทยาลัยเท่านั้น แต่สามารถเรียนรู้ได้ตลอดชีวิต
“พระอาจารย์เป็นคนที่อ่านหนังสือมหาศาล เวลาไปยุโรป อเมริกา จะขนหนังสือกลับมาปีละเป็นร้อยเล่ม หนังสือภาษาอังกฤษเป็นอาหารข้อมูลชั้นยอด เพราะชอบอ่านจึงชอบเขียน ตอนนี้มีหนังสือของตัวเองแล้ว 200 เล่ม แปล 7ภาษา อยากบอกลูกหลานตรงนี้ว่าจงรักการอ่าน อ่านให้เยอะ อ่านให้กว้างขวาง อ่านให้หลากหลาย สิ่งที่เราอ่านจะย้อนกลับมาเป็นสิ่งค้ำจุนเรา ยิ่งเราอ่านเยอะ จะได้รู้ว่าคนอื่นคิดอะไร คนระดับโลกคิดยังไง สร้างตัวเองได้อย่างไร มันจะเป็นแผนที่ชีวิตให้เราได้”
ท้ายที่สุด พระอาจารย์มหาวุฒิชัย กล่าวสรุปว่า เคล็ดลับแห่งความสำเร็จคือ หนึ่ง-จนเท่ากับโอกาส สอง-สิ่งที่สร้างเนื้อสร้างตัวให้เราได้คือการศึกษา สาม-มุ่งมั่นกับความฝันของตัวเอง หาเป้าหมายชีวิตว่าคืออะไร สี่-ต้องเป็นคนที่มุ่งมั่นในการเรียนรู้ตลอดชีวิต
“ถ้าฝันจะไปให้สูง จงรักษาชีวิตให้ขาวสะอาด จงใฝ่ให้สูง ชีวิตพระอาจารย์เองก็เคยผ่านมาเหมือนทุกคน มีเวลาที่ไขว้เขว รวนเร หลงทาง ร้องไห้ จะเอารูปโยมแม่ขึ้นมาดู บอกตัวเองว่าเขาคงไม่ได้ให้เราเกิดมาเป็นคนขี้แย พระอาจารย์ก็มีต้นทุนเท่าทุกคน เป็นเด็กบ้านนอก พ่อแม่เป็นชาวไร่ชาวนา เกิดมาในหุบในห้วย เมื่อก่อนไม่มีคนมาคอยบอกอย่างนี้ ถ้าอยากจะประสบความสำเร็จ ต้องไปตามขั้นตามตอน วันหนึ่งที่เราสำเร็จ มองน้อยกลับไป มือที่ผลักข้างหลังให้เราไปอยู่ข้างหน้า มือที่ฉุดเราให้สูงขึ้นไป จำมือทุกมือนั้นไว้ หาโอกาสตอบแทน”
“ลองหา ฮีโร่ ไว้ในใจเราสักคน ยึดเอาเป็นต้นแบบ ถอดรหัสความสำเร็จของเขาให้ได้ แล้วเอาเป็นแผนที่ชีวิตตัวเอง หาจุดอ่อนจุดแข็งให้เจอ หาเป้าหมายของเราให้พบ ปุกหมุดเอาไว้ ถ้าไปไม่ถึงเป้าหมายจะไม่ล้มเลิก และจำไว้ว่าลายแทงแห่งความสำเร็จคือ การศึกษา” สาธุ...
-